คุณย่าคงกำลังพยายามย้อนเวลากลับไปหาอดีต
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ตรงที่ดินรกร้างข้างบ้านปู่กับพี่ชายของเธอกำลังขนขยะจากถังหลังบ้านไปเผาโดยมีเดี่ยววิ่งนำไปก่อนล่วงหน้า ภาพและเสียงประทุของเปลวไฟที่ไหม้ลามเลียเศษขยะบนพื้นลอยมาในห้วงความคิด เธอวางหนังสือในมือลงแล้วกระโดดวิ่งตามไป
“มิลินท์จะไปไหน” คุณย่าถาม
“จะไปช่วยคุณปู่เผาขยะคะ” เธอรีบตอบ
“ไม่ต้องไปหรอก” ย่าห้าม “มาช่วยย่าร้อยมาลัย ไปเก็บดอกพุดมาให้ย่าด้วย เลือกดอกตูมๆ นะ”คุณย่าสั่ง
เธอเดินกลับมา หยิบขันใบเล็กๆ ไปเก็บดอกพุด “น่าเบื่อ” เธอพึมพำในใจ “เดี๋ยวนี้ตรงแยกไฟแดงไหนก็เจอ แล้วจะมานั่งร้อยทำไมให้เสียเวลา” มิลินท์พึมพำในใจ
ดอกพุดดอกเล็กๆกลีบบางๆที่ต้องค่อยๆหยิบจับ
“จับเบาๆเดี๋ยวดอกไม้จะช้ำ” คุณย่าเตือน
ร้อยมาลัยมันพ้นสมัยไปแล้วแต่คุณย่าก็ยังย่ำอยู่กับที่
คุณย่ามีความสุขที่เห็นหลานนั่งร้อยมาลัย ในตอนที่มิลินท์ยื่นมาลัยช้ำๆ ของเธอส่งให้ดู คุณย่าชมแต่เพียงรอยยิ้มและคำพูดอ่อนโยนว่า “มาลัยสวยจัง” แม้ว่าจะเห็นว่ากลีบดอกไม้นั้นยับย่นและไม่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ความสุขในสายตาของคุณย่านั้นไม่ได้อยู่ที่ความสวยสมบูรณ์แบบของมาลัย หากอยู่ที่ความตั้งใจและความพยายามของหลานที่ใส่ลงไปในทุกกลีบดอกไม้
มิลินท์ถอนหายใจ คุณย่ามีความสุขที่เห็นหลานนั่งร้อยมาลัย คุณย่าคงกำลังพยายามย้อนเวลากลับไปหาอดีต ในตอนที่มิลินท์ยื่นมาลัยช้ำๆของเธอส่งให้ดู คุณย่าชมแต่สาบานได้ว่า มิลินท์เห็นรอยยิ้มในดวงตาใต้แว่นใสๆของย่า
“เอาไปบูชาพระในห้องพระด้วย” คุณย่ากำชับ
“ทั้งช้ำๆอย่างนี้เหรอคะคุณย่า”
“ใช่”คุณย่าย้ำ “ร้อยมาลัยกับมือตัวเอง ก็ไปบูชาพระแบบนี้ละ” มิลินท์ถอนหายใจ
จากหน้าต่างห้องพระบนชั้นสองของบ้าน ต้นพุทธชาดสามสีที่มีดอกสีม่วงบ้างขาวบ้างผุดแซมไปตามลำต้นส่งกลิ่นหอมแรงมากับสายลม มิลินท์แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า.....สีขมุกขมัวบนท้องฟ้าในยามเย็นเต็มไปด้วยปุยเมฆสีขาว อีกด้านหนึ่งของริมขอบฟ้ามีแสงสีแดงอมส้มของสนธยากับนกกาที่บินผ่านไปเป็นหมู่ๆ อย่างนี้ละที่เขาเรียกว่าความสุข เด็กสาวคิด